โรคคนแก่รู้จักโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) ภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ผู้สูงอายุต้องระวัง

 ผู้สูงอายุควรได้รับการดูแล

รู้จักโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) ภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ผู้สูงอายุต้องระวัง

โรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) หรือภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ไม่ค่อยขยับร่างกาย ส่งผลเสียอย่างไรบ้างในระยะยาว

โรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) คืออะไร

เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงผู้สูงวัย นอกจากโรคเรื้อรังที่ต้องดูแลเป็นพิเศษแล้ว อีกหนึ่งโรคที่ต้องระวังสำหรับผู้สูงอายุคือ โรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) หรือภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ที่ทำให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และอัตราเร็วของการเดินลดลง ส่งผลต่อความสามารถในการดูแลตนเองของผู้สูงอายุลดลงไปด้วย และยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น


ภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ สามารถพบได้บ่อยในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อจะเริ่มลดลงร้อยละ 1-2 ต่อปี เมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป มวลกล้ามเนื้อจะลดลงถึงร้อยละ 3 ต่อปี

อย่างไรก็ตาม โรคนี้ก็สามารถพบได้ในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปได้เช่นกัน ลักษณะที่สังเกตได้เด่นชัดคือ มีแขนขาที่ลีบเล็ก และอ่อนแรงลง เนื่องจากขาดการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนไม่เพียงพอ ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่เป็นโรคซาร์โคเพเนียโดยไม่รู้ตัว

อาการโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia)

สำหรับอาการของโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) หรือภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ จะมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ลุกนั่งลำบาก
  • ทรงตัวไม่ดี
  • หกล้มบ่อยๆ
  • น้ำหนักลดลงโดยไม่ตั้งใจ
  • เพิ่มความเสี่ยงของภาวะกระดูกหัก ภาวะเปราะบาง
  • เหนื่อยง่ายจนจำกัดความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน
  • คุณภาพชีวิตลดลง
  • อาจเกิดโรคซึมเศร้า
  • เพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ

การวินิจฉัยโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia)

แม้ว่าผู้ป่วยโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) ส่วนใหญ่จะมีลักษณะแขนขาที่ลีบเล็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีรูปร่างผอมบางทุกคนจะป่วยเป็นโรคนี้ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีวิธีการประเมินและวินิจฉัยสุขภาพเบื้องต้นโดยใช้เครื่องมือประเมินมวลกล้ามเนื้อ Bioelectrical Impedance Analysis (BIA) หากได้ค่าน้อยกว่า 7.0 กิโลกรัมต่อตารางเมตรในเพศชาย และน้อยกว่า 5.7 กิโลกรัมต่อตารางเมตรในเพศหญิง จึงจะถือว่าเข้าข่ายป่วยเป็นโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia)

นอกจากนี้จะต้องส่งต่อให้นักกายภาพประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยทดสอบจากการนั่ง-ลุก-ยืน-เดิน และการวัดความเร็วในการเดิน พร้อมใช้เครื่องวัดแรงบีบมือ (Hand-Grip Strength) ในการทดสอบ จะต้องมีแรงบีบไม่ต่ำกว่า 26 กิโลกรัมในเพศชาย และไม่ต่ำกว่า 18 กิโลกรัมในเพศหญิง

วิธีป้องกันโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) ในผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นทำให้มวลกล้ามเนื้อสลายไปตามวัย แต่ก็สามารถป้องกันได้

  1. พยายามยืนและเดินให้มากขึ้น โดยนั่งหรือนอนเท่าที่จำเป็น
  2. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมควบคุมอาหารไม่ให้มีภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของหลายๆ โรครวมถึงโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) ด้วย
  3. วิธีออกกำลังกายที่ดีสำหรับผู้สูงอายุคือ การเดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เพราะไม่ทำให้เจ็บเข่า
  4. ผู้สูงอายุที่ยังมีเรี่ยวแรงควรทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเองมากขึ้น เพราะการมีผู้ช่วยคอยดูแล คอยพยุง ก็จะทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อเร็วยิ่งขึ้นตามไปด้วย
  5. สำหรับผู้สูงวัยที่สามารถยืนและเดินได้ด้วยตัวเอง ให้พยายามยืนขึ้นแล้วฝึกใช้มือและแขนดันผนังในแนวตั้ง โดยใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงกด หากทำเป็นประจำจะทำให้กำลังแขนแข็งแรงขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์พิเศษมาใช้ให้สิ้นเปลือง
  6. ส่วนผู้ที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน (Walker) ให้พยายามใช้มือและแขนพยุงตัวให้ลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง เพื่อให้กล้ามเนื้อเข่า ขา และเท้าได้เคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อในส่วนอื่นๆ รวมทั้งมือ แขน หลัง ไหล่ และสะโพก ให้เคลื่อนไหวตามไปด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากที่สุดในผู้สูงอายุ ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคซาร์โคเพเนีย

สำหรับการป้องกันโรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) นี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกช่วงวัย ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะการได้เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อในระยะยาวได้

ข้อมูลอ้างอิง : ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์จังหวัดนครสวรรค์, โรงพยาบาลกรุงเทพ






อาการไม่กระฉับกระเฉง อ่อนเพลีย ผมร่วง ป่วยบ่อย และใช้เวลานานกว่าจะหายจากอาการป่าย นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีภาวะ ขาดโปรตีน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรละเลย และอาจเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ในอนาคต

โปรตีน (Protein) จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร?  

ในร่างกายจะมีโปรตีน ( Protein ) เป็นส่วนประกอบมากถึง 75% ของน้ำหนักตัว โดยเป็นสารอาหารหลักที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นโครงสร้างหลักของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ในวัยเด็กโปรตีนจะถูกนำมาใช้ในการเจริญเติบโต เสริมสร้างเนื้อเยื้อและฮอร์โมน

เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงาน ร่างกายจะต้องการโปรตีนปริมาณมากเพื่อนำไปสร้างพลังงาน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย สร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้โปรตีนยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันได้

ส่วนวัยผู้สูงอายุ จำเป็นต้องได้รับโปรตีนที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้ดี เพื่อให้ร่างกายได้โปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ ในวัยนี้โปรตีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมสร้างและคงสภาพของมวลกล้ามเนื้อ โดยจะถูกนำไปใช้เพื่อชดเชยการสลายตัวของกล้ามเนื้อตามวัย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการป่วยและความเหนื่อยล้าต่างๆ ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

อาการขาดโปรตีน เป็นอย่างไร?

  • ผิวหนังมีลักษณะแห้ง ผิวหยาบกร้าน ดูแก่กว่าวัย
  • แผลหายช้ากว่าปกติ ผิวหนังไม่แข็งแรง
  • รู้สึกหิวบ่อยระหว่างวัน
  • สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ รู้สึกว่ากล้ามเนื้อลีบฝ่อ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน นอนหลับยากกว่าปกติ
  • รู้สึกห่อเหี่ยว เซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง ร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ป่วยบ่อย และใช้เวลานานกว่าจะหายจากอาการเจ็บป่วยนั้น
  • ในบางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือผมร่วง

วิธีดูแลตนเองเพื่อป้องกันภาวะ “ขาดโปรตีน”

เนื่องจากโปรตีน (Protein) เป็นสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมเอาไว้ได้ เพราะจะมีการสลายโปรตีนและขับออกทุกวันตามธรรมชาติ ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ

โดยแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่เป็นแหล่งของโปรตีน หลายคนคงจะต้องนึกถึง ไข่ นม เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ที่จัดว่าเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูง มีกรดอะมิโนที่ครบถ้วน นอกจากที่ยังมีแหล่งโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ข้าวโอ๊ต เต้าหู้ เป็นต้น ซึ่งจัดเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีแต่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบถ้วน ดังนั้น เพื่อป้องกันภาวะร่างกายขาดโปรตีน ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้รับประทานอาหารอย่างหลากหลาย เช่น

  • เลือกรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไขมันต่ำ หรือ เวย์โปรตีนคุณภาพสูง สลับกับการรับประทานโปรตีนจากพืชบ้าง เพราะโปรตีนจากพืชนั้นปราศจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล และเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างครบถ้วน
  • รับประทานโปรตีนให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน (เนื่องจากแต่ละคนมีความต้องการปริมาณโปรตีนไม่เท่ากัน)

อ่านต่อ : ระบบเผาผลาญพัง ตัวการสำคัญที่ทำให้ลดหุ่นไม่ได้ผล

แต่เนื่องจากวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนในปัจจุบัน ทำให้หลายคนไม่มีเวลาที่จะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน หรือรับประทานโปรตีนได้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย การเลือกเสริมด้วยโปรตีนในรูปแบบของเวย์โปรตีนไอโซเลต ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ดูดซึมเร็วและย่อยง่ายไม่มีปัญหาท้องอืด ซึ่งจะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผู้สูงอายุเมื่อรับประทานโปรตีนเสริม จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนเลือก อย่างไรก็ตามควรพิจารณาเลือกซื้อจากแบรนด์ที่ไว้วางใจได้ ทั้งเรื่องคุณภาพของโปรตีน รวมถึงกระบวนการผลิตที่ต้องได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยและได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพ

อ้างอิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สูงสุด

มื้ออาหารเช้าต้องให้ความสำคัญ

น้ำมันปลาใหม่