โรคอัลไซเมอร์ รู้เร็ว รักษาเร็ว

 

โรคอัลไซเมอร์ รู้เร็ว รักษาเร็ว

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของภาวะสมองเสื่อม โดยพบว่าในปี ค.ศ.2019 ประเทศไทยมีผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมประมาณ 670,000 ราย และคาดการณ์ว่าน่าจะเพิ่มเป็น 2,390,000 ราย ในปี ค.ศ.2050 ภาวะสมองเสื่อมนอกจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันได้แล้ว ยังส่งผลให้ผู้ดูแลต้องสละทั้งเวลา กำลังกาย กำลังใจ และทุนทรัพย์จำนวนมากเพื่อช่วยเหลือบุคคลอันเป็นที่รักให้มีความสุขในบั้นปลายชีวิต เนื่องจากโรคอัลไซเมอร์นั้นปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้

 

โรคอัลไซเมอร์เกิดจากอะไร?

โรคอัลไซเมอร์เกิดจากการมีโปรตีนร้าย 2 ชนิด ที่เรียกว่า ‘อมิลอยด์’ และ ‘ทาว’ สะสมมากผิดปกติในเนื้อสมองของผู้ป่วย เมื่อโปรตีนทั้ง 2 ชนิดนี้สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เซลล์สมองจะตาย ทำให้ปริมาตรของเนื้อสมองน้อยลง เมื่อเซลล์สมองตายมากถึงระดับหนึ่ง ความสามารถของสมองจะค่อยๆ ถดถอยลงอย่างช้าๆ จนเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมในที่สุด

 

 

อาการของโรคอัลไซเมอร์

อาการภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์มีอยู่หลายอย่าง เช่น ความจำแย่ลง ซึ่งมักเป็นอาการนำก่อนมีอาการอื่นๆ ตามมา ญาติหรือผู้ใกล้ชิดอาจจะสังเกตได้ว่า ผู้ป่วยหลงลืมคำพูด หลงลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา อาจมีอาการถามคำถามเดิมซ้ำๆ หรือเล่าเรื่องเก่าๆ ซ้ำๆ อาการในระยะถัดมา คือความสนใจจดจ่อจะลดลง ความสามารถในการตัดสินใจ หรือการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันลดน้อยลง พูดน้อยลง เข้าใจภาษาน้อยลง หลงทิศทาง ความสามารถในการเข้าสังคมลดลง ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น หงุดหงิดง่ายขึ้น ซึมเศร้า เบื่อหน่าย เฉื่อยชา หรือหลงผิด เช่น คิดว่าผู้อื่นขโมยของของตนไป

 

 

วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์

การตรวจวินิจฉัยโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์มีอยู่ 5 รูปแบบหลักคือ

  1. สัมภาษณ์หรือซักประวัติผู้ป่วยและญาติอย่างละเอียด และเน้นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของผู้ป่วย
  2. ตรวจร่างกายทางระบบประสาท
  3. ตรวจด้วยการทำแบบทดสอบความสามารถของสมอง
  4. ตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของภาวะสมองเสื่อม
  5. ตรวจภาพถ่ายสมอง ซึ่งปัจจุบันแนะนำให้ตรวจด้วยการทำเอ็มอาร์ไอ (MRI : Magnetic Resonance Imaging) ซึ่งเป็นการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

 

ทั้ง 5 วิธีตรวจดังกล่าว จะต้องทำควบคู่กันไปทั้งหมด โดยประสาทแพทย์ จิตแพทย์ หรือ แพทย์เวชศาสตร์ที่เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม เมื่อตรวจครบทั้ง 5 อย่างแล้ว แพทย์จะสรุปผลการตรวจให้ผู้ป่วยและญาติทราบถึงการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ

 

 

การรักษาโรคอัลไซเมอร์

การรักษาโรคอัลไซเมอร์ ประกอบด้วยการใช้ยาและไม่ใช้ยา ซึ่งควรทำไปควบคู่กัน ยารักษาเน้นที่การปรับสารสื่อประสาทและสารเคมีในสมอง ซึ่งตัวยาจะออกฤทธิ์รักษาตามอาการเป็นหลัก ทำให้ความสามารถทางสมองของผู้ป่วยถดถอยช้าลง การพึ่งพิงผู้อื่นลดลง ส่วนการรักษาโดยไม่ใช้ยา เช่น การฝึกสมอง การทำกิจกรรมกลุ่ม การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ฝึกสมอง การทำจิตบำบัด การเล่นเกม การทำงานฝีมือ ศิลปะบำบัด ดนตรีบำบัด การเขียนบันทึกชีวิตประจำวัน กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะช่วยพยุงให้ความสามารถของสมองในผู้ป่วยถดถอยช้าลง

 

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2021 องค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติให้ใช้ยากลุ่มใหม่ คือ ยากำจัดโปรตีนอมิลอยด์จากเนื้อสมอง (Anti Amyloid Antibody) สำหรับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งยาจะสามารถชะลอการดำเนินโรคได้ร้อยละ 27-35 เมื่อเทียบกับผู้ไม่ได้รับยา ยากลุ่มใหม่นี้อาจจะนำไปสู่ชีวิตที่ยืนยาวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของผู้ป่วย โดยยาชนิดนี้มีแผนจะนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงปี ค.ศ.2025-2026

 

แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีอาหาร ยา หรือสิ่งอื่นใด ที่มีประสิทธิภาพแน่นอนในการป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ อย่างไรก็ดี การปรับปรุงวิถีชีวิต เช่น การปรับอาหาร การรักษาโรคร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ การออกกำลังกาย และการฝึกสมองอย่างเป็นระบบ จะทำให้ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์แสดงอาการออกมาช้าลง

 

โรคอัลไซเมอร์สามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการส่งตรวจพิเศษ คือตรวจระดับโปรตีนอมิลอยด์และทาวในน้ำไขสันหลัง หรือการตรวจเพทสแกน (PET scan) นอกจากนี้ ยังมีการตรวจโปรตีนอมิลอยด์และทาวในเลือด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า สะดวกกว่า เพียงแค่เจาะเลือดไปตรวจก็สามารถช่วยคัดกรองโรคอัลไซเมอร์เบื้องต้น ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาและชะลอการดำเนินโรคได้อย่างทันท่วงที ผู้ป่วยและญาติมีโอกาสวางแผนอนาคตได้ตั้งแต่ในระยะแรกของโรค

 

 

เห็นผู้สูงวัยมีอาการดังนี้มีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์

สังเกตได้ว่าศาสตร์ของโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อมได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้อนาคตอันใกล้ โรคอัลไซเมอร์จะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากท่านหรือคนที่ท่านรักมีลักษณะที่เข้าได้ดังต่อไปนี้

  • ลืมง่าย ความจำลดลง
  • คิดช้า สมาธิสั้น ความสนใจจดจ่อลดลง
  • ความสามารถในการตัดสินใจ ความสามารถในการแก้ปัญหาลดลง
  • หลงทาง พูดติดขัด นึกคำไม่ออก ไม่เข้าใจประโยค
  • พฤติกรรมเปลี่ยน ความสามารถในการเข้าสังคมลดลง

 

ทั้งนี้ หากสงสัยเป็นว่าอาจเป็นโรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อมจากสาเหตุอื่นๆ ต้องการตรวจวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือต้องการป้องกันไม่ให้ตนเองหรือคนใกล้ชิดมีภาวะสมองเสื่อม สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านความจำ อัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อมได้ที่ คลินิกอายุรกรรมประสาท โรงพยาบาลพญาไท 1 อาคาร 3 ชั้น 5 เพราะการพบโรคเร็ว รักษาไว จะช่วยชะลอการดำเนินโรคหรือความถดถอยของสมองได้


ขอขอบคุณข้อมูล  นพ. กิตติธัช บุญเจริญ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สูงสุด

มื้ออาหารเช้าต้องให้ความสำคัญ

น้ำมันปลาใหม่